Say Tell Speak

 

🗣 อะไรคือความแตกต่างระหว่าง “Say,” “Tell,” และ “Speak”

คู่มือการเรียนรู้อย่างชาญฉลาดในการใช้คำกริยาที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่เหมาะสม


✨ ส่วนที่ 1: ทำไมคำเหล่านี้ทำให้ผู้เรียนสับสน

สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษชาวไทย “say,” “tell,” และ “speak” อาจรู้สึกเหมือนกันเกือบทั้งหมด ในภาษาไทย คำกริยาอย่าง “พูด” หรือ “บอก” สามารถครอบคลุมความหมายได้หลากหลาย ดังนั้นจึงง่ายต่อการสับสน แต่ในภาษาอังกฤษ แต่ละคำมีกฎเกณฑ์และการใช้งานที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง

🧠 ทำไมถึงสำคัญ

  • การใช้คำกริยาที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ประโยคของคุณฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • ในการสอบ การใช้ที่ถูกต้องสามารถทำให้คุณได้รับคะแนนพิเศษ
  • ในการสนทนาจริง มันช่วยให้คุณฟังดูคล่องแคล่วและแม่นยำยิ่งขึ้น

🔍 ภาพรวมอย่างรวดเร็ว

  • Say → เน้นที่คำพูด
  • Tell → เน้นที่การให้ข้อมูลแก่ใครบางคน
  • Speak → เน้นที่การกระทำของการพูดหรือความสามารถในการพูด

🚀 ส่วนที่ 2: วิธีการใช้แต่ละคำอย่างถูกต้อง


1. Say

ความหมาย: การแสดงออกบางสิ่งเป็นคำพูด
โครงสร้าง: say + something (ไม่จำเป็นต้องมีกรรมที่เป็นคน แต่คุณสามารถเพิ่ม “to + person”)

ตัวอย่าง:

  • “She said she was tired.”
  • “เขาพูดกับฉันว่า ‘เดี๋ยวฉันจะโทรหาคุณนะ’”

🧠 เคล็ดลับ: ใช้ “say” เมื่อคุณรายงานคำพูดที่แน่นอนหรือข้อความทั่วไป


2. Tell

ความหมาย: การให้ข้อมูลแก่ใครบางคน
โครงสร้าง: tell + someone + something (ต้องการกรรมที่เป็นคน)

ตัวอย่าง:

  • “She told me the news.”
  • “Please tell him to be on time.”

🧠 เคล็ดลับ: คุณไม่สามารถพูด “tell something” โดยไม่บอกว่าคุณบอกใคร


3. Speak

ความหมาย: การพูดคุยหรือสนทนา; ยังหมายถึงความสามารถทางภาษา
โครงสร้าง: speak + language / speak to + person

ตัวอย่าง:

  • “I speak English and Thai.”
  • “Can I speak to the manager?”

🧠 เคล็ดลับ: ใช้ “speak” สำหรับสถานการณ์ที่เป็นทางการ ทักษะทางภาษา หรือเมื่อเริ่มการสนทนา


📊 ตารางเปรียบเทียบ

คำกริยา จุดสนใจ โครงสร้าง ตัวอย่าง
Say คำพูด say + something / say to + person “She said she was happy.”
Tell การให้ข้อมูลแก่ใครบางคน tell + someone + something “He told me a secret.”
Speak การกระทำของการพูด / ความสามารถทางภาษา speak + language / speak to + person “I speak Japanese.”

🌟 ส่วนที่ 3: เคล็ดลับในการจดจำความแตกต่าง


🔹 เคล็ดลับ 1: คิดถึงจุดสนใจ

  • หากคุณสนใจ คำพูด → ใช้ say
  • หากคุณสนใจ ผู้ฟัง → ใช้ tell
  • หากคุณสนใจ การกระทำของการพูด → ใช้ speak

🔹 เคล็ดลับ 2: สังเกตโครงสร้างไวยากรณ์

จดจำโครงสร้างทั่วไปเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเดา


🔹 เคล็ดลับ 3: เรียนรู้จากตัวอย่างจริง

ฟังเจ้าของภาษาในภาพยนตร์หรือพอดแคสต์ และสังเกตว่าพวกเขาใช้คำกริยาแต่ละคำอย่างไร


🔹 เคล็ดลับ 4: ฝึกสลับ

นำหนึ่งประโยคและเขียนใหม่ด้วยคำกริยาแต่ละคำอย่างถูกต้อง
ตัวอย่าง:

  • Say: “She said she was busy.”
  • Tell: “She told me she was busy.”
  • Speak: “She spoke to me about her busy schedule.”

💬 ข้อคิดสุดท้าย

“Say,” “tell,” และ “speak” อาจดูคล้ายกัน แต่เมื่อคุณเข้าใจจุดเน้นและโครงสร้างแล้ว การเลือกสิ่งที่ถูกต้องก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ฝึกฝนกับตัวอย่างจริง ใส่ใจกับรูปแบบ และในไม่ช้าคุณจะใช้พวกมันเหมือนเจ้าของภาษา


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *